Thailand is preparing to implement a carbon tax in 2025, beginning with oil products. The tax rate is set at 200 baht per metric ton of carbon dioxide (approximately $5.50 per metric ton). This carbon tax will be incorporated into the existing excise tax structure. Meaning, it will be added to the price of fuels such as diesel and gasoline. For example, diesel - which emits 0.0026 tons of carbon dioxide per liter - will incur an additional carbon tax of 0.46 baht per liter.
Impact of the Carbon Tax on Office Buildings in Thailand
To illustrate how this carbon tax might affect office buildings in Thailand, let's consider the following example:
1. Energy Consumption Calculation: Estimate the building’s annual energy consumption in kilowatt-hours (kWh). In this case, assume the office building consumes 500,000 kWh annually.
2. Carbon Emission Estimation: Use the emission factor for electricity in Thailand, with the average emission factor being around 0.519 kg CO₂ per kWh (this value should be checked and updated regularly).
-
Annual Emissions (kg CO₂) = Annual Energy Consumption (kWh) × Emission Factor (kg CO₂/kWh)
- Annual Emissions = 500,000 kWh × 0.519 kg CO₂/kWh = 259,500 kg CO₂
- Annual Emissions (metric tons) = 259,500 kg CO₂ / 1,000 = 259.5 metric tons CO₂
3. Carbon Tax Calculation: Multiply the total carbon emissions by the carbon tax rate.
- Carbon Tax = Annual Emissions (metric tons CO₂) × Carbon Tax Rate (THB/metric ton)
- Carbon Tax = 259.5 metric tons CO₂ × 200 THB/metric ton = 51,900 THB
Thus, the office building would incur an additional carbon tax of 51,900 THB annually based on its energy consumption and estimated carbon emissions.
Adapting and Developing for a Sustainable Future
The introduction of a carbon tax is part of an effort to encourage organizations to reduce their carbon emissions through energy-efficient practices and the adoption of environmentally friendly technologies.
Preparing and planning to reduce carbon emissions will not only help mitigate the additional costs from the carbon tax but also contribute to a global effort in preserving the environment and building a sustainable future for everyone.
The carbon tax that Thailand is set to introduce in 2025 will not only affect consumers by increasing fuel prices but will also have significant implications for businesses, including office building owners who will need to adapt to manage the rising costs associated with this tax.
Cushman & Wakefield, a global leader in real estate services, is highly experienced in providing sustainability consulting and management for businesses and real estate. We recognize the importance of adapting to reduce carbon emissions, which is part of our mission to create a sustainable future for our clients and the communities we serve.
If you are an office building owner or manager looking to prepare for this change, Cushman & Wakefield can offer expert advice and effective energy management strategies to help reduce carbon emissions and save costs associated with the upcoming carbon tax.
การปรับตัวเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน: ภาษีคาร์บอนในประเทศไทยเริ่มปี 2025
ประเทศไทยกำลังเตรียมแผนที่จะนำระบบภาษีคาร์บอนมาใช้ในปี 2025 โดยเริ่มต้นที่ผลิตภัณฑ์น้ำมัน ซึ่งอัตราภาษีถูกตั้งไว้ที่ 200 บาทต่อเมตริกตันของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (ประมาณ $5.50 ต่อเมตริกตัน) โดยภาษีคาร์บอนนี้จะถูกรวมเข้ากับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่มีอยู่แล้ว หมายความว่าภาษีนี้จะถูกบวกเข้าไปในราคาน้ำมันดีเซลและเบนซิน เช่น ดีเซลที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.0026 ตันต่อหนึ่งลิตร จะต้องเสียภาษีคาร์บอนเพิ่มเติมอีก 0.46 บาทต่อลิตร
ตัวอย่าง: ผลกระทบของภาษีคาร์บอนต่ออาคารสำนักงานในประเทศไทย
เพื่อให้เห็นภาพว่าภาษีคาร์บอนนี้จะส่งผลต่ออาคารสำนักงานอย่างไร เราจะใช้ตัวอย่างการจำลองดังต่อไปนี้:
1. การคำนวณการใช้พลังงาน: ประเมินการใช้พลังงานต่อปีของอาคารสำนักงานในหน่วยกิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ในกรณีนี้ สมมติว่าอาคารสำนักงานใช้พลังงาน 500,000 kWh ต่อปี
2. การประมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน: ใช้ค่าตัวคูณการปล่อยก๊าซคาร์บอนสำหรับไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.519 กิโลกรัม CO₂ ต่อ kWh (ค่าเหล่านี้อาจต้องตรวจสอบและอัปเดตเป็นประจำ)
- การปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปี (kg CO₂) = การใช้พลังงานต่อปี (kWh) × ค่าตัวคูณการปล่อยก๊าซ CO₂ (kg CO₂/kWh)
- การปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปี = 500,000 kWh × 0.519 kg CO₂/kWh = 259,500 kg CO₂
- การปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปี (เมตริกตัน) = 259,500 kg CO₂ / 1,000 = 259.5 เมตริกตัน CO₂
3. การคำนวณภาษีคาร์บอน: นำอัตราภาษีคาร์บอนมาคูณกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั้งหมด
- ภาษีคาร์บอน = การปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อปี (เมตริกตัน CO₂) × อัตราภาษีคาร์บอน (บาท/เมตริกตัน)
- ภาษีคาร์บอน = 259.5 เมตริกตัน CO₂ × 200 บาท/เมตริกตัน = 51,900 บาท
ดังนั้น อาคารสำนักงานนี้จะต้องเสียภาษีคาร์บอนเพิ่มอีก 51,900 บาทต่อปีตามการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ประมาณไว้
การปรับตัวและการพัฒนาเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
บทความนี้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบเบื้องต้นของภาษีคาร์บอนต่ออาคารสำนักงานในประเทศไทย การนำภาษีคาร์บอนมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นให้อาคารและองค์กรต่างๆ ปรับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนผ่านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้
การเตรียมพร้อมและการวางแผนเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจะไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากภาษีคาร์บอนเท่านั้น แต่ยังเป็นการมีส่วนร่วมในการดูแลโลกและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน.
ภาษีคาร์บอนที่ประเทศไทยกำลังจะนำมาใช้ในปี 2025 จะไม่เพียงส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในด้านราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่ยังมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจ รวมถึงอาคารสำนักงานต่างๆ ซึ่งต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนี้
บริษัท Cushman & Wakefield ซึ่งเป็นผู้นำด้านบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก มีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและจัดการด้านความยั่งยืนทางธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์ บริษัทได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการปรับตัวเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าและชุมชนที่พวกเขาดูแล
หากคุณเป็นเจ้าของหรือผู้บริหารอาคารสำนักงานที่ต้องการเตรียมพร้อมและปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงนี้ Cushman & Wakefield สามารถให้คำปรึกษาและแนวทางการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและประหยัดต้นทุนจากภาษีคาร์บอนที่กำลังจะมาถึง