ประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความคืบหน้าอย่างโดดเด่น ด้วยอัตราการลดลงของประชากรต่อเมกะวัตต์ประมาณ 70% จากเกือบ 800,000 คนต่อเมกะวัตต์ในปี 2024 เหลือประมาณ 220,000 คนในปี 2030 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเติบโตของตลาดศูนย์ข้อมูลในประเทศ และขณะเดียวกันญี่ปุ่นก็เตรียมตัวเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางสำคัญ ด้วยอัตราการปรับตัวลดลงจาก 94,000 คนต่อเมกะวัตต์ในปัจจุบัน ไปอยู่ที่ 30,000 คนในปี 2030 สะท้อนถึงความเสถียรทางการเมืองและความสามารถในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศของประเทศนี้
จากการวิเคราะห์ของ Pritesh Swamy หัวหน้าทีมวิเคราะห์ข้อมูลของ Cushman & Wakefield กล่าวว่า ตลาดในแถบเอเชียแปซิฟิกยังคงมีความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ยังคงไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร โดยอัตราส่วนประชากรต่อเมกะวัตต์ในภูมิภาคอยู่เฉลี่ยที่กว่า 350,000 คนต่อเมกะวัตต์ ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาที่มีอัตราอยู่ที่ราว 30,000 คนต่อเมกะวัตต์ เทคโนโลยีและการลงทุนด้านข้อมูลจึงกลายเป็นกลไกสำคัญสำหรับการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคดิจิทัลนี้
ประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่น่าจับตามองในช่วงนี้ ก็ได้แสดงสัญญาณชัดเจนว่า การพัฒนาศูนย์ข้อมูลนั้นสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ในภูมิภาคสำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีคลาวด์และ AI ซึ่งเกิดจากความรวดเร็วในการสร้างและขยายโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูล รวมถึงความสามารถในการรองรับความต้องการในอนาคต
สรุปแล้ว ประเทศมาเลเซีย ไทย และญี่ปุ่น ยังคงเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลในเอเชียแปซิฟิก ที่สร้างความได้เปรียบในการดึงดูดการลงทุนและรองรับบริการดิจิทัลที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลนี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาประเทศเหล่านี้สู่ความสำเร็จทางเศรษฐกิจในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน
ดาวโหลดรายงานฉบับเต็ม : Asia Pacific Data Centre Investment Landscape External Link